ประกันสุขภาพ Copayment Copayment คืออะไร ประกาศคปภ.

ประกันสุขภาพ Copayment – URGENT update 2568!

ประกันสุขภาพ Copayment Copayment คืออะไร ประกาศคปภ.
ประกันสุขภาพเหมาจ่าย Copayment – เคลมสินไหมพุ่ง Ref.สยามอินชัวร์ 9 พย 2567

อัพเดทเรื่องทันกระแส 2568!

จากกระแสข่าวที่กำลังมาแรงมากๆเกี่ยวการที่ยอดเคลมบริษัทประกันพุ่ง จึงทำให้หลายๆค่ายคาดการณ์ว่าต้นปีหน้าจะมีการนำเรื่อง ‘Copayment’ ของประกันสุขภาพ New Health Standard เข้ามาใช้สำหรับลูกค้าใหม่ ในปี 2568 โดยคาดว่าลูกค้าเก่าจะไม่ได้รับผลกระทบ

แม้ว่าข่าวดังกล่าวหนาหูมากๆ แต่ยังไม่มีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ หากมีการประกาศแล้ว ตัวแทนของท่านจะรีบแจ้งให้คุณทราบอย่างแน่นอน


เมื่อพูดถึงการทำประกันสุขภาพ มีคำศัพท์สองคำที่มักสร้างความสับสนให้กับผู้ทำประกัน นั่นคือ Deductible (ค่าเสียหายส่วนแรก) และ Copayment (ค่าร่วมจ่าย) วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจความแตกต่างและข้อควรรู้เกี่ยวกับทั้งสองอย่างกัน

1.ประกันสุขภาพ Copayment คืออะไร?

Copayment หรือค่าร่วมจ่าย คือการที่ผู้ซื้อประกันต้องร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลในอัตราส่วนที่กำหนด เช่น 20% 30% ฯลฯ (ขึ้นอยู่กับแพคเกจนั้นๆของคุณกำหนด) ของค่ารักษาทั้งหมดที่เกิดขึ้น

ข้อดีของ Copayment

  • จ่ายน้อยกว่า Deductible ในแต่ละครั้ง
  • เห็นส่วนแบ่งค่าใช้จ่ายชัดเจน
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องพบแพทย์บ่อย เนื่องจากหากค่ารักษาแต่ละครั้งไม่เยอะ อาจมีการจ่ายเองเพิ่มอีกเพียงแค่เล็กน้อย

ข้อเสียของ Copayment

  • หากค่ารักษาสูง ส่วนที่ต้องร่วมจ่ายก็จะสูงตามไปด้วย
  • ต้องจ่ายทุกครั้งที่ใช้บริการ

2.ประกันสุขภาพ Deductible คืออะไร?

Deductible/Excess แปลไทยคือ ค่าเสียหายส่วนแรก คือจำนวนเงินที่ผู้เอาประกันต้องจ่ายเองก่อนที่ประกันสุขภาพตัวนั้นจะเริ่มทำงาน เช่น หากกรมธรรม์ระบุ Deductible ไว้ที่ 30,000 บาท หมายความว่าคุณต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล 30,000 บาทแรก

  • ด้วยตัวเอง
  • เบิกจากประกันกลุ่ม หรือสิทธิ์การรักษาต่างๆ
  • ประกันสุขภาพเล่มอื่น (จากบริษัทประกันเดียวหรือต่างกันก็ได้)

หลังจากนั้นบริษัทประกันจึงจะเริ่มจ่ายส่วนที่เหลือให้

ข้อดีของ Deductible

  • เบี้ยประกันต่อปีถูกลง เพราะคุณรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนแรกเอง
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่ค่อยเจ็บป่วย
  • สร้างความรับผิดชอบในการดูแลสุขภาพ
  • ค่าใช้จ่ายระยะยาวถูกกว่า Copayment
    เช่นสินค้า deductible เป็นรายปี เช่น BLA Prestige Health ปลดล็อค ที่เริ่มต้น deduct ที่ 50,000 บาท และการนับ deduct เป็นแบบรายปี หากครั้งแรกเคลมครบ 50,000 บาทแล้ว ครั้งอื่นๆในปีนั้นบริษัทประกันจะจ่ายให้เลยตั้งแต่บาทแรก

    แต่หากเป็น copayment ทุกๆครั้งที่เคลมจะต้องจ่ายร่วมกับทางบริษัทประกัน เป็นต้น

    ปล.จะต้องเช็คให้ดีอีกครั้งว่าสินค้าประกันสุขภาพเหมาจ่ายนั้นๆที่คุณซื้อ เป็น Deduct เป็นแบบรายครั้ง (BLA Happy Health เดิม/Premier) หรือรายปี (BLA Prestige Health ปลดล็อค)

ข้อเสียของ Deductible

  • ต้องมีเงินสำรองไว้จ่ายค่ารักษาก้อนแรก อาจไม่ตอบโจทย์สำหรับผู้ไม่มีประกันกลุ่มหรือสวัสดิการอื่น
  • อาจไม่คุ้มค่าหากมีการเจ็บป่วยบ่อย
  • ต้องจ่ายครบตามจำนวน Deductible ก่อนประกันจึงจะเริ่มจ่าย

เลือกแบบไหนดี?

การเลือกระหว่าง Deductible และ Copayment ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง:

ควรเลือก Deductible เมื่อ:

  • มีเงินสำรองพอสำหรับค่าใช้จ่ายก้อนแรก ประกันกลุ่ม หรือสวัสดิการอื่น
  • ต้องการจ่ายเบี้ยประกันต่อปีที่ต่ำลง
  • มีสุขภาพแข็งแรง ไม่ค่อยเจ็บป่วย
  • หากแผน Deductible ของคุณเป็นรายปี ก็อาจตอบโจทย์กว่าการเลือกสินค้าแบบ Copayment

ส่วนคำถามว่าจะมีสินค้าที่ทั้ง deductible และ copayment ไหม…อันนี้ยังไม่กล้าตอบครับ ต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการจากบริษัทประกันก่อน

ควรเลือก Copayment เมื่อ:

  • ต้องการกระจายค่าใช้จ่ายเป็นก้อนเล็กๆ
  • มีโรคประจำตัวที่ต้องพบแพทย์บ่อย
  • ไม่ต้องการเสี่ยงกับค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่

สรุป

ทั้ง Deductible และ Copayment มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน การเลือกแบบใดขึ้นอยู่กับสถานะทางการเงิน สุขภาพ และความต้องการส่วนบุคคล ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและปรึกษาตัวแทนประกันเพื่อเลือกแบบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ

หากคุณกำลังพิจารณาทำประกันสุขภาพ อย่าลืมศึกษารายละเอียดเงื่อนไขการจ่ายผลประโยชน์ เช่น Deduct เป็นรายครั้ง หรือรายปี และ %Copayment ว่าบริษัทจะจ่ายให้เท่าไหร่ ก่อนตัดสินใจ

ปรึกษาเราฟรี

Fluke 640 640
line add friend

โทร 080-294-5216
อีเมล contact@wunlawealth.com

Similar Posts